Ansoff Matrix คือ 4 วิธี ขยายธุรกิจอย่างไรให้เสี่ยงน้อย และคุ้มค่าเงินที่สุด!
จะทราบได้อย่างไร? ว่าธุรกิจของคุณควรเติบโตด้วยสินค้าเดิม หรือสินค้าใหม่ แล้วจะทำการตลาดกับใคร? ต้องไปต่อกับสินค้าตัวไหนดี แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสินค้าตัวนี้จะทำเงินให้กับธุรกิจได้ หรือต้องทำการตลาดไปในแนวทางไหนดี? ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต บทความนี้จะมาเผยกลยุทธ์ที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้ ควรทุ่มเทการตลาดไปกับสินค้าตัวไหนดี และต้องทำการตลาดกับลูกค้ากลุ่มไหนเป็นหลัก
Ansoff Matrix คืออะไร
คิดค้นโดย H. Igor Ansoff ในปี 1957 เป็นโมเดลกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพแก่นักการตลาดในการชั่งน้ำหนักตัวเลือกและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เมื่อทำการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆ เมทริกซ์สรุปสี่ช่องทางที่เป็นไปได้สำหรับการเติบโตซึ่งแตกต่างกันไปตามความเสี่ยง ซึ่งประกอบไปด้วย สี่กลยุทธ์ย่อย
1. กลยุทธ์เจาะกลุ่มเดิม Market Penetration (ลูกค้าเดิม x สินค้าเดิม)
จะมีอะไรดีกว่าการรักษาฐานลูกค้าเดิม สิ่งแรกสุดที่ควรทำ ก่อนทำสิ่งใด ๆ ก็ตาม คือ โฟกัสลูกค้าเดิมที่คุณรู้จักอยู่แล้ว หาเหตุผลที่เขาซื้อสินค้าของเราซ้ำ ๆ เพื่อให้ธุรกิจเราสามารถไปต่อได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว เพราะต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ แพงกว่าการดูแลลูกค้าเดิมเสมอ
กลยุทธ์ที่แนะนำ : สร้างการซื้อซ้ำ และ เพิ่มจำนวนลูกค้าที่เหมือนกับกลุ่มลูกค้าเดิมของเรา
2. กลยุทธ์พัฒนาสินค้า Product Development (ลูกค้าเดิม x สินค้าใหม่)
ในบรรดาลูกค้าที่คุณรู้จักดีอยู่แล้ว เขาน่าจะมีความต้องการบางอย่างที่เรายังไม่ได้ให้กับเขารึเปล่า ถ้าหากเราสามารถเสนอบริการเพิ่มได้ซัก 1 อย่างที่ดีกว่าเดิมเท่านึง ยอดขายก็จะมากขึ้นอีกเท่าได้ ซึ่งคุณสามารถพาร์ทเนอร์กับคู่ค้าของคุณโดยไม่ต้องผลิตสินค้าใหม่ด้วยตนเองก็ได้
กลยุทธ์ที่แนะนำ : หาความต้องการใหม่ๆ ให้เจอ เพื่อทำสินค้าใหม่ และ ขายสินค้านั้นให้กับลูกค้าเดิม
3. กลยุทธ์ขยายตลาด Market Development (ลูกค้าใหม่ x สินค้าเดิม)
สินค้าที่คุณมีลูกค้าอยู่แล้ว ลองเอาไปขายลูกค้าคนใหม่ ๆ ดู เช่น ถ้าคุณขายวัยทำงานอยู่แล้ว ลองเอาสินค้าเดียวกัน ไปขายคนที่อายุมากขึ้น หรือนำไปขายลูกค้ากลุ่มอื่นที่อาจมีความต้องการสินค้านี้เช่นเดียวกัน ก็จะทำให้ตลาดที่คุณกำลังขายอยู่ สามารถขยายได้กว้างขึ้น ก็จะทำให้ตลาดที่คุณกำลังขายอยู่ ขยายได้กว้างขึ้น
กลยุทธ์ที่แนะนำ : นำสินค้าเดิมที่มีอยู่ หาอินไซต์ กลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อหาว่าลูกค้าแบบไหน ที่ตรงกับสินค้าหรือตรวจสอบจากฐานข้อมูลของลูกค้าเก่า ว่ามีลูกค้ารายใดที่มีหน้าตาแตกต่างจากลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณหรือไม่ และทำการสัมภาษณ์หาอินไซต์ เพื่อเจาะกลุ่มคนประเภทนั้นมากขึ้น
4. กลยุทธ์กระจายความเสี่ยง Diversification (ลูกค้าใหม่ x สินค้าใหม่)
แม้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เสี่ยงที่สุด เพราะเป็นทั้งลูกค้าใหม่ และสินค้าใหม่ แต่ถ้าหากคุณได้พิจารณากลยุทธ์ข้อ 1-3 แล้วพบว่าเป็นไปได้ยากที่ธุรกิจของคุณจะไปต่อ การใช้กลยุทธ์กระจายความเสี่ยงจะเป็นการสร้าง New S Curve หรือทางรอดของธุรกิจให้คุณใหม่ เป็นอีกกลยุทธ์นึงที่แนะนำให้ทำ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ไม่มีหยุด “เพราะการไม่เสี่ยงอะไรเลย คือความเสี่ยงที่สูงที่สุด”
กลยุทธ์ที่แนะนำ : เปิดตัวสินค้าใหม่ที่ไม่เคยมีลูกค้ามาก่อน พัฒนาเพื่อเปิดกลุ่มลูกค้าใหม่
4 วิธีนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอร์ส “Marketing Research 101 เข้าใจลูกค้าให้ถึงแก่น”
คุณสามารถเลือกกลยุทธ์ที่ขยายธุรกิจ และเพิ่มยอดขายได้ แบบไม่ต้องเสี่ยงเดาใจลูกค้า
เนื้อหาตัวอย่างในคอร์สเรียนได้แก่
- เผยเคล็ดลับที่องค์กรขนาดใหญ่ใช้ เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จ จาก 50% เป็น90% ด้วย Marketing Research
- สอนกระบวนการทำ Marketing Research แบบเข้าใจง่าย ทำตามได้ทันที
- แนะนำเครื่องมือ ที่ช่วยในการทำ Marketing Research ได้อย่างมืออาชีพ และ ง่ายที่สุด!
- บทโบนัส แชร์ Case Study จริง จากธุรกิจB2B และ B2C ที่เติบโตได้ ด้วยMarketing Research
ลืมความยาก ความซับซ้อนของการทำ Marketing Research ที่คุณเคยรู้จัก
คอร์สนี้มีเนื้อหากระชับ เน้นให้นำไปใช้ได้ทันที ประยุกต์ใช้ได้กับทุกธุรกิจ เหมาะกับเจ้าของธุรกิจ ผู้บริหาร นักการตลาด หรือ ท่านที่ต้องการ Up Skill ในสายงานการตลาด ใช้ได้กับ ธุรกิจให้บริการ ธุรกิจขายสินค้า B2C , B2B คอร์สเรียน ราคา 6,990 บาท ราคาพิเศษเพียง 4,990 บาท (เมื่อลงทะเบียนและชำระเงิน ภายในวันนี้ - 31 มิถุนายน 2565)
ลงทะเบียน หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม >>> LINE: @Waymaker หรือคลิก https://lin.ee/857przi พิเศษ 10 ท่านสุดท้าย !! (เมื่อลงทะเบียนและชำระเงิน ภายในวันนี้ - 31 มิถุนายน 2565)
- รับส่วนลด 2,000 บาท จาก 6,990 บาท เหลือเพียง 4,990 บาท
- ฟรี หนังสือ Marketing Research 101 รู้ใจลูกค้าฉบับสมบูรณ์ ราคา 295 บาท
- ฟรี Way Card เครื่องมือช่วยกระบวนการรีเสิร์ชให้รวดเร็ว ง่าย มีประสิทธิภาพมากขึ้น ราคา 1,290 บาท
- ฟรี Marketing Research Canvas ราคา 299 บาท
- ฟรี บทเรียน Bonus “เพิ่มยอดขายได้ทันที ถ้าเข้าใจลูกค้า B2C & B2B CASE STUDY”
ลงทะเบียน หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม >>> LINE: @Waymaker หรือคลิก https://lin.ee/857przi
ใช้ Way Card เปิดใจกลุ่มเป้าหมายเพื่อชนะทุกสถานการณ์
ก่อนที่คุณจะขายสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่าง สิ่งที่คุณต้องรู้คือความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณ Way Card คือเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณได้รู้จัก และเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของคุณได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิม หรือกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อให้คุณได้แนวทางทำการตลาดและ แนวทางในการปรับปรุงสินค้าหรือบริการของคุณให้เข้าไปนั่งในใจของกลุ่มเป้าหมายได้
Way Card ควรใช้เมื่อไหร่
Way Card คือ เครื่องมือที่เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจคุณจากหลักร้อยไปสู่หลักล้าน โดยขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญของการทำ Marketing Research คือ การสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย Way Card จะเป็นเครื่องมือที่รวบรวมชุดคำถามมาไว้ให้คุณ โอกาสที่จะหยิบมาใช้มีดังนี้
- เมื่อต้องการเพิ่มยอดขาย
- เมื่อต้องการให้ลูกค้ารักแบรนด์ของคุณมากขึ้น
- เมื่อต้องการพัฒนาสินค้า หรือบริการใหม่ ๆ
- เมื่อต้องการหากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ในธุรกิจ
- เมื่อต้องการระดมความคิด หาไอเดียใหม่ ๆ ให้ธุรกิจ