Digital Marketing

WAY Model กลยุทธ์ที่นักการตลาดต้องมี เหมาะสมที่จะใช้ตอนไหน?

WAY Model กลยุทธ์ที่นักการตลาดต้องมี เหมาะสมที่จะใช้ตอนไหน?

หลาย ๆ ท่านคงเคยอ่านทฤษฎีการตลาดมามาก แล้วเนื่องจากมีความซับซ้อนทำให้ไม่สามารถประยุกต์การใช้งานได้ แม้ว่าจะมีทฤษฎีเยอะแยะมากมายแต่ก็ไม่รู้จะประยุกต์ตอนไหน จะเริ่มใช้เมื่อไหร่แล้วจะใช้อย่างไรมักจะมีคำถามว่าจะมีทฤษฎีที่รวบการตลาดในยุคนี้ไว้ในที่เดียวไหม เราจึงอยากให้ทุกคนทำความรู้จักกับ WAY Model กันก่อน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักการตลาดต้องมี ที่หลายท่านคงเคยได้ยินหรืออาจจะเพิ่งได้อ่านบทความนี้เป็นครั้งแรกซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ตามมาศึกษาการอธิบายอย่างละเอียดได้จากบทความนี้

กลยุทธ์การตลาด

Way Model คืออะไร สำคัญกับการทำการตลาดอย่างไร

WAY Model  เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักการตลาดนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เหมาะสมที่จะใช้ตอนหลังจากการทำรีเสิร์ชเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ นั่นหมายความว่า คุณต้องมีกระบวนการทำ Marketing Research ตั้งแต่วิธี การคัดกรอง > สัมภาษณ์ > สรุปผล จนได้ข้อมูลที่เรียกว่าผลลัพธ์มาก่อน ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถนำผลลัพธ์ที่ได้ไปปรับใช้ได้หลายวิธีมาก ๆ ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำการตลาด ยกตัวอย่างเช่น

  1. การพัฒนาสินค้า หรือ รูปแบบการให้บริการ
  2. การกำหนดราคาสินค้า 
  3. การกำหนดช่องทางการจัดจำหน่าย

 WAY Model ประกอบด้วยอะไรบ้าง

  • W = Winning Input คือ ชุดข้อมูลที่ได้มาจากการรีเสิร์ช ที่ทำให้สินค้าของเรามีข้อได้เปรียบเหนือผู้อื่น
  • A = Agile Process คือ การทำงานที่เน้นผลลัพธ์ มากกว่ากระบวนการทำงาน นั่นคือเราเน้นไว ลดขั้นตอนการทำงานลง เพื่อให้ผลลัพธ์การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • Y = Yield Output คือ ผลลัพธ์ ที่ต้องการของธุรกิจที่คุณคาดหวังครับ
Way Model คืออะไร


How to นำ Way Model ไปวางแผนกลยุทธ์ให้ธุรกิจเติบโต

จากทฤษฎีที่กล่าวไปก่อนหน้า ผมขออนุญาตยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้นนะครับ เปรียบเทียบ WAY Model กับการทำอาหาร โดยทั่วไปการทำอาหารให้ดีจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ การมีวัตถุดิบที่ดี > การปรุงอาหารที่ดี > การเสิร์ฟอาหารที่ถูกใจลูกค้า เช่นเดียวกันครับ การทำธุรกิจที่ดีจะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนหลัก

  1. Winning Input หมายถึง วัตถุดิบหลักที่ทำให้เราได้รับชัยชนะ เกิดจากการทำ Marketing Research ที่เป็นรูปธรรม และมีการวิเคราะห์ตลาดเพื่อให้เข้าใจลูกค้าซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
  2. Agile Process หมายถึง กระบวนการที่เน้นผลลัพธ์มากกว่าขั้นตอนการทำงาน ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วมากยิ่งขึ้นและได้รับฟีดแบ็กที่เพียงพอต่อการนำไปต่อยอดในทางธุรกิจ ซึ่งเปรียบได้กับการปรุงอาหารที่เน้นความอร่อยของผู้กิน
  3. Yield Output หมายถึง ผลตอบแทนที่นักธุรกิจคาดหวังว่าจะได้รับ เปรียบได้กับการเสิร์ฟอาหารให้ตรงความต้องการของลูกค้านั่นเอง

เมื่อมี W, A และ Y ครบทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ในการดำเนินธุรกิจคุณก็จะสามารถประยุกต์ผลรีเสิร์ชเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียวครับ

Way Maker บริการให้คำปรึกษาการตลาดออนไลน์

ปัจจุบัน บริษัท เวย์เมคเกอร์ ให้คำปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ โดย Way Model เป็นเอกสิทธิ์วิธีคิดจากเวย์ เมคเกอร์ ซึ่งเก็บเกี่ยวจากประสบการณ์ในการดูแลลูกค้ากว่า 100 แบรนด์ และวางแผนกลยุทธให้กับสินค้า ที่เน้นความสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการในรูปแบบการตลาดที่วัดผลได้ (Marketing ROI) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นในปัจจุบัน และเน้นยอดขายที่วัดผลได้ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่หลาย ๆ บริษัท ติดต่อ Way Maker เพื่อเป็นที่ปรึกษาระยะยาว

Way Maker

Way Maker เราเป็นที่ปรึกษาการตลาด ดูแลตั้งแต่การวิจัยตลาด วางแผน บริหารงาน จนกระทั่งได้ผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง ไม่ใช่แค่ Media แต่เป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจ ลูกค้ากว่า 90% ได้ผลลัพธ์ที่คาดหวังเพราะเรามี Marketing Forecast เพื่อดูว่า ROI ธุรกิจควรทำการตลาดแบบไหน จึงทำให้หลังจากการจ้างที่ปรึกษาแล้ว จะทำให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจเติบโตอย่างแน่นอนครับ

ถ้าคุณอยากทำงานกับที่ปรึกษาในรูปแบบนี้ ติดต่อ Way Maker ได้เลยนะครับ

ปรึกษาได้ที่นี่ LINE : @WayMaker 

หรือหากต้องการปรึกษาด่วนโทร 066-124-3562

Author